จาก โพสต์ทูเดย์
เรียกว่า...งง...กันเป็นทิวแถว....!!!
โดย...ทีมข่าวการเงิน
เมื่อ กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ผลักดันวาระการแปลงสัมปทานเป็นใบอนุญาต โทรศัพท์มือถือ2จี และเสนอให้เลื่อนการประมูล 3จี เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจแบบด่วนจี๋
ปรากฏว่าที่ประชุม ครม. กลายโรงมหรสพ เพราะทั้งรัฐมนตรี ที่ปรึกษา และข้าราชการประจำ ซัดกันนัว ไม่รู้ใครเป็นใคร
เมื่อกรณ์เริ่มต้นแจกแจงให้เห็นความจำเป็นในการต้องแปลงสัมปทานมือถือ 2จี เป็นใบอนุญาต กับ 3 บริษัท คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น เอไอเอส และ ดีแทค และมีการคิดค่าธรรมเนียมใหม่ พร้อมยืดใบอนุญาตอีก 15 ปี
รมว.คลัง เกรงว่าในอนาคตเมื่อ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดประมูล3จี ในเดือน ก.ย. ผู้รับสัมปทานก็จะโอนลูกค้าไป3จี หมดเกลี้ยง
รายได้ที่คลังเคยรับอยู่ก็หดหายไปนับแสนล้านบาท ทั้งที่ระยะเวลาสัมปทานยังเหลืออีก 38 ปี
งานนี้ รมว.คลัง ออกตัวว่าพูดในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจสองแห่ง คือ บริษัท กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทีโอที ที่เป็นเจ้าของเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังยังกังขาบทบาทหน้าที่ของ กทช.ชุดนี้ว่ามีอำนาจตามกฎหมายในการประมูลจริงหรือไม่
เหตุใด กทช.ไม่ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความอีกครั้ง หรือไม่ก็รอองค์การอิสระใหม่ตามรัฐธรรมนูญ 2550
พูดง่ายๆ เป้าหมายของกรณ์ก็คือ จัดระเบียบ2จี ให้เสร็จ แล้วจึงเริ่มประมูล 3จี ไม่ใช่สุกเอาเผากิน
แน่นอน ข้อมูลลึกๆ ที่ไปถึงหู รมว.คลัง และไปถึงมือของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่องโครงการ 3จี นั้น ย่อมไม่ธรรมดา
อย่าลืมว่า ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีเคยอยู่ในอาณัติของพรรคเพื่อแผ่นดิน โดย ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ซึ่งถูกค่อนขอดเรื่องศักยภาพในการบริหารมาตลอดช่วง 1 ปี
ขณะที่เบื้องหลังของระนองรักษ์ คือทีมที่ปรึกษาจอมโปรเจกต์ ที่มี ไพโรจน์ สุวรรณฉวี สามีของ รมว.ไอซีที กุมบังเหียนอยู่เต็มๆ
วงในกระทรวงไอซีที ระบุว่า ทีมที่ปรึกษาดังกล่าวได้กระจายกันไปในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงจำนวนมาก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการพูดกันถึงการล็อบบี้ของบริษัทเอกชนเพื่อเร่งรัดให้มีการออกใบอนุญาต 3จี ให้เสร็จภายในปีนี้
เร่งรัดในช่วงที่บริษัทโทรคมนาคมของคนไทยแห่งหนึ่งยังไม่มีความพร้อมทาง การเงิน ขณะที่ผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะจ่ายเงิน และกระหายจะใช้เทคโนโลยีใหม่ในชีวิตประจำวันกันแล้ว
เช่นเดียวกัน “หน้าตา” ของ กทช.ชุดนี้ ก็ยังเกิดคำถามจากสังคมว่าเป็นร่างทรงของบริษัทขนาดใหญ่หรือไม่ นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจที่จะให้เปิดประมูลด้วยเงื่อนไขเดิมได้
ขณะที่ รมว.คลังเองก็มีแผลที่สังคมคาใจ ว่าเหตุใดจึงเร่งรีบนำเรื่องเข้าประชุม ครม.เศรษฐกิจ
มีการวางสเต็ปในการ “ปล่อย” ข้อมูลออกมาเหมือนมีพิมพ์เขียวไว้ล่วงหน้า
ไม่ว่าจะเป็นการเชิญนักข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ เข้าพบที่บ้านย่านซอยเย็นอากาศ ในวันอาทิตย์ ก่อนนำวาระเข้า ครม.เศรษฐกิจเพียง 1 วัน
หลังจากนั้น รมว.คลัง ก็รับอาสาเป็นผู้แถลงข่าวมติ ครม.เศรษฐกิจด้วยตัวเอง ในเชิงว่า “ครม.อนุมัติการรื้อสัมปทาน 2จี ใหม่”
แต่ปรากฏว่าแป้ก!!!
เมื่อหลังจากการแถลงข่าวเพียง 1 ชั่วโมง บรรดาสื่อมวลชนก็ได้รับโทรศัพท์จาก “บิ๊ก” ในทำเนียบรัฐบาล และข้าราชการระดับสูงในที่ประชุมว่า มติของ ครม.เศรษฐกิจ “ไม่ใช่” อย่างที่ รมว.คลัง แถลงข่าว
ขณะที่ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งข้อความในทวิตเตอร์ถึงเครือข่ายเช้าวันอังคารที่ 20 ก.ค. ว่า จริงๆ แล้วครม.เศรษฐกิจแค่ “รับทราบ” ข้อเสนอของ รมว.คลัง ไม่ใช่ “อนุมัติ”
การออกมาทวีตเบรกกรณ์เที่ยวนี้ เรียกว่า รมว.คลัง “หัวทิ่ม”
ยิ่งที่ผ่านมาทั้งสองคนก็มีข่าวคราวไม่กินเส้นกันอยู่แล้วด้วย ครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำสภาพของทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ว่ามีรอยปริร้าวให้เห็น เด่นชัด
ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังมีผู้คัดค้านแนวคิดของกระทรวงการคลังอย่างน้อยอีก 2 คน
หนึ่งคือ สถาพร กวิตานนท์ ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี
และสองคือ อำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์
โดยมองว่ากระทรวงการคลังควรให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความอำนาจในการยกเลิกสัมปทาน 2จี ว่าเป็นไปได้หรือไม่
แม้แต่อภิสิทธิ์ คู่ซี้ รมว.คลังเองก็ยังทานกระแสต้านจาก ครม.ไม่ไหว จึงให้มีคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา “ทำการบ้าน” แปลงสัมปทานตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง และคิดว่าจะทำอย่างไรกับ3จี
ไม่อย่างนั้น ทั้ง ครม.เศรษฐกิจ ทั้งคณะอาจ “ตกม้าตาย” กันหมด
ส่วน จุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที เองก็พูดไม่ออก เพราะลำพังแค่จะรื้อสัมปทานง่ายๆ อย่าง ดาวเทียมไทยคมที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองมาเทียบเคียงแล้วก็ยังลุยไปข้างหน้าได้ยาก
เมื่อคณะกรรมการมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐและเอกชน พ.ศ. 2535 ซึ่งมีปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน มีมติแล้วว่า มีการละเมิดเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมจริง แต่บริษัท ไทยคม กลับ “ไม่มีความผิด” เพราะดำเนินการตามมติของกระทรวงไอซีทีและคมนาคมทุกอย่าง
เรียกได้ว่างานนี้จุติมึนตึ้บๆ พอมาเจอเรื่องรื้อสัมปทานมือถือเข้าอีก จึงไม่อยากเปิดศึกหลายทาง
งานนี้ รมว.คลัง เลยต้อง “รับหน้าเสื่อ” ไปเต็มๆ แต่กลับ “ไม่ได้แต้ม” เพราะนอกจากไม่ได้รับการยอมรับเรื่องของแนวคิดแล้ว ยังถูกรัฐมนตรีในพรรคเดียวกันเสียดสีจนถลอกปอกเปิก
แถมยังถูกนินทาว่ารับจ๊อบช่วยบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ ที่รัฐบาลชุดนี้ใกล้ชิดสนิทสนม
แถมยังถูกนินทาว่าร้ายว่าทำตัวเป็นโบรกเกอร์บ้าง เป็น ดีลเมกเกอร์ บ้าง ไม่ต่างอะไรกับบทบาทที่เคยเล่นในบริษัท เจ.พี. มอร์แกน
สุดท้ายกลายเป็นลิเกหลงโรง ที่มองไปทางนี้ก็ไม่มีคนเอา มองไปทางนั้นก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะแนวคิดยังไม่ตกผลึก
มหรสพเรื่อง 3จี คงยังไม่จบง่ายๆ เพราะตีมูลค่าวิกนี้มหาศาลนับแสนล้านบาท รวมทั้งยังเกี่ยวพันกับพ่อยก แม่ยกของพรรคร่วมรัฐบาล
นี่แค่โหมโรง ... ปี่ กลอง ระนาด ขึ้นเมื่อไหร่ รับรองพวงมาลัยมาอีกเพียบ