จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ Thai Startup Cafe โดย พงศ์พีระ ชวาลาธวัช www.facebook.com/thaistartupcafe
ตอนที่แล้วเราได้พูดคุยกันถึงที่มาของสิ่งท้าทาย Startup ในปี 2017 ไปถึง 3 ข้อหลัก นั่นก็คือเทรนด์ Fintech และ Internet of Things อย่างที่สองคือเรื่องเงินทุนความท้าทายตลอดกาล และเรื่องที่สามคือบุคลากร คนที่จะมาช่วยงานเรา ซึ่งสามารถไปหาอ่านตอนที่แล้วได้จากหน้าเพจ Facebook ของผมหรือ prachachat.net ได้เลยครับ (คลิกอ่านที่นี่ )
สำหรับวันนี้เราจะมาว่ากันต่อในอีก 5 ข้อที่เหลือครับ ได้แก่ ข้อสี่-เรื่องของ ค่าโฆษณา คือสิ่งที่ต้องรู้ กล่าวคือ Startup ส่วนใหญ่เมื่อทำสินค้าอะไร
ออกมาแรก ๆ หรือเริ่มต้นนั้นไม่มีใครรู้จัก จึงต้องใช้เวลานานกว่าจะมีคนรู้จัก ดังนั้น หากคุณเป็นคนทำ Startup จะมี 2 ทางเลือก คือ 1.จ่ายเงินปั่นสินค้าให้คนรู้จักเยอะ ๆ เร็ว ๆ 2.จ่ายเงินน้อย เน้นการตลาด ช่องทางเลือกที่ช้ากว่า และอยู่แบบค่อย ๆ โตไป (ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่เป็น Startup เท่าไหร่นัก)
ทุกวันนี้ Keyword Fee บน Google Adwords นั้น แพงมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึง Facebook เอง Ads View ก็แพงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ขณะที่ Startup เองก็ฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ผมจึงอยากแนะนำให้ผู้ทำ Startup ลองมาทำ การตลาดในแบบเลิกเอาเงินมาซื้อวิว แต่อยากให้นึกถึง "กลยุทธ์" ของการทำการตลาดมากกว่า
ฉะนั้น ขอให้ลองดู Cost Structure กับ Burn Rate ตัวเองดี ๆ ให้คำนวณไปยาว ๆ ว่า จะมีแรงทำถึงเมื่อไหร่ และถ้าถึงจุดนั้นแล้ว จะขึ้นหรือลงอย่างไร
เผื่อว่าถ้าคำนวณแล้วยังไงก็ไม่รอด ผมแนะนำให้รีบ "ล้มบนฟูก" ก่อนเลยครับ Fail Fast แล้วค่อยมาเริ่มกันกับตัวอื่นก็
ข้อห้า-เพื่อนร่วมทีม (ที่มีเงินหรือวิชา) ก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่ดูถูกไม่ได้เลย เราจะเอาแต่คนที่ถูกใจเพราะรู้จักกัน ไม่ได้ครับ ! โดยเฉพาะที่ภาครัฐให้การสนับสนุนนั้น ทำให้คนที่มีวิชา และคนที่มีเงินมาร่วมทำงานด้วยกัน หายจากตลาดไปมากทีเดียว เพราะฉะนั้น จะพาใครมาร่วมลงเรือลำเดียวกัน ต้องดูดี ๆ เพราะสิ่งนี้ก็เป็นการกำหนดความเป็นความตายของ Startup ของคุณ ตั้งแต่เริ่มจ่ายเงินบาทแรกออกไปเสียด้วยซ้ำ
ข้อหก-ไม่มีการทำ Minimum Viable Product ที่ดีพอ คำว่า MVP คือการทำการทดลอง Concept ตัวสินค้าหรือบริการของเราออกมาเสียก่อน ที่จะมีการลงทุนลงแรง เพราะ Startup คือธุรกิจที่เน้นทำนวัตกรรม มากกว่าการทำซ้ำ
เราเลยต้องทดลองทุกครั้งเสียก่อน
แต่เดี๋ยวนี้น้ยคนนักที่จะอดทนมานั่งทดสอบตรงนี้ หลาย ๆ คนเชื่อมั่นในตัวเองสูง แล้วมักจะลงมือทำเลยโดยไม่มีการทดลอง เพราะคิดว่าไม่เป็นไร แค่อยากลอง ผลสุดท้ายก็เลยได้แค่ลองจริง ๆ
ซื้อประสบการณ์ไปแพงพอสมควร และก็ยังเป็นสิ่งที่ท้าทายของ Startup จนถึงทุกวันนี้
ข้อเจ็ด-ทำ Minimum Viable Product ดีเกินไป อันนี้ก็เป็นอีกสิ่งท้าทาย ที่ทำให้ผมแปลกใจมาก เรียกว่าผมโดนสอนมวยก็ว่าได้ จากนักธุรกิจจีนคนหนึ่งที่อยู่ใน Startup ในเอเชีย ซึ่งทำเกี่ยวกับ Software ผมแปลกใจมาก ว่าเขามีเวลาทำ MVP ที่สั้นมาก ๆ เรียกว่าแทบจะไม่เกิน 1 วันก็เสร็จ
เหตุผลของเขาคือในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่เขาทำอยู่นั้น ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเทรนด์หุ่นยนต์ ยังไงก็มาแน่ ไม่จำเป็นต้อง MVP มาก เพียงแต่ว่าต้องทดสอบ Concept ของหุ่นยนต์ที่กำลังจะสร้างมากกว่า ว่าตลาดตอบสนองหรือไม่
อีกปัจจัยคือบางอุตสาหกรรมนั้นจะมี Time to Market ที่ซีเรียสมาก เรียกว่า ของดีอาจจะสู้ของลงตลาดเร็วกว่าไม่ได้ด้วยซ้ำไป ดังนั้น MVP เลยกลายเป็นพระรองไป
ข้อแปด-เรื่องของ "ข่าวลือ" ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือเรื่องการล้มของเทรนด์การทำ Startup ฟองสบู่จะแตก รัฐบาลจะ
ไม่อยู่ กองทุนกำลังจะหนี และอีกมากมายที่จะมาทำให้เรารู้สึกสั่นไหวไปกับข่าวลือต่าง ๆ สำหรับเรื่องนี้
ผมได้แต่แนะนำว่าขอให้ทุกคนเสพข่าวอย่างมีสติและเช็กข่าวดี ๆ ให้รอบคอบ ก่อนที่จะตกใจหรือคิดทำอะไรออกไป เพราะวงการ Startup เรานั้น ข่าวลือและเสียงรอบข้างมันมากจริง ๆ ยังไงก็จงอย่าหวั่นไหวครับ
ถ้ามั่นใจว่า Startup เราดีแล้ว ก็จงมุ่งมั่นทำต่อไปเลย
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน